แบตเตอรี่จึงมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับเครื่องยนต์ยุคใหม่ การเปลี่ยนแบตเตอรี่แต่ละครั้งจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง การดูแลรักษาแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียหรือปล่อยปละละเลยไม่ได้ ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้ผลิตรถยนต์เองก็รู้ดี จึงได้มีความพยายามติดตั้งแบตเตอรี่ที่มีขีดความสามารถในการกักเก็บประจุไฟสูงขึ้น รวมทั้งแบบที่ต้องการการดูแลรักษาต่ำเข้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำรถมากขึ้น แม้จะรู้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนของรถยนต์แต่ละคันสูงขึ้นก็ตาม

ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่จึงเป็นปัญหาใหญ่และใหม่ สำหรับคนใช้รถที่ไม่ทราบถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่ ดังเช่นที่มีผู้ใช้รถหลายคนยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับแบตเตอรี่ว่า เมื่อต้องจอดรถไม่ใช้งานเป็นเวลาหลายๆ วันหรือนานเป็นเดือน จะต้องถอดขั้วแบตเตอรี่ออกหรือไม่

ซึ่งเรื่องนี้เข้าใจว่าผู้ที่ตั้งคำถามในลักษณะดังกล่าวคงเคยได้ยินคำแนะนำมาว่า ในกรณีที่ไม่ได้ใช้รถยนต์เป็นเวลานาน ให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออก เมื่อจะกลับมาใช้รถยนต์อีกครั้งจึงสวมขั้วเบตเตอรี่เข้าไปและทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ เหตุผลที่มีการแนะนำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องผิดแต่ประการใด แต่เป็นคำแนะนำที่ถูกต้องสำหรับเครื่องยนต์ยุคก่อน ในช่วงเวลาที่ระบบควบคุมที่ใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่เข้ามามากเหมือนปัจจุบันนี้ ดังนั้นรถยนต์ในยุคก่อนเมื่อไม่ใช้งาน การแนะนำให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกไปเพราะเป็นการป้องกันไม่ให้กระแสไฟไหลรั่วออกไปตามอุปกรณ์ไฟต่างๆ กระแสไฟในแบตเตอรี่จะได้ยังคงมีอยู่เป็นเวลานานๆ เมื่อต้องการใช้งานรถก็เพียงสวมขั้วแบตเตอรี่เข้าไป ประจุไฟที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งก็คือการสตาร์ทเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว

ต่างจากรถยนต์ในปัจจุบันนี้ที่มีอุปกรณ์หลายต่อหลายชนิด ต้องการกระแสไฟไปเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา มิฉะนั้นหน่วยความจำในอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้นก็จะไม่สามารถทำงานได้ จะต้องมาทำการปรับตั้งค่าความจำกันใหม่ ซึ่งบางครั้งอาจจะยุ่งยากมากเพราะอาจจะต้องใช้เครื่องมือพิเศษเฉพาะเท่านั้น

ดังนั้นการปล่อยแบตเตอรี่ให้คาไว้กับเครื่องยนต์จะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับรถยนต์ยุคนี้ เพราะจะทำให้มีกระแสไฟไปเลี้ยงอุปกรณ์ที่สำคัญๆ อยู่ตลอดแม้ว่าจะทำให้กระแสไฟในแบตเตอรี่ถูกจ่ายออกไปตลอดเวลาจนอาจจะหมดไปก็ตาม ซึ่งหากกลับมาใช้รถและมีไฟไม่พอที่จะไปหมุนมอเตอร์สตาร์ทให้ทำงาน ก็ต้องใช้วิธีการอื่นๆ มาทำการแก้ไข เช่น หาแบตเตอรี่มาพ่วง หรือถอดเอาแบตเตอรี่ไปอัดประจุไฟที่เรียกว่าไป “ชาร์จไฟ” เข้าไปใหม่ก็ได้

การถอดหรือใส่ขั้วแบตเตอรี่ในปัจจุบันก็ต้องทำด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ต้องพยายามอย่าให้ขั้วแบตเตอรี่หลวม เพราะจะทำให้เกิดกระแสไฟกระโดดและสายไฟร้อน, แรงดันไฟไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดความเสียหายแก่อุปกรณ์ต่างๆ ได้ รถยนต์ยุคปัจจุบันบางยี่ห้อที่มีระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซับซ้อน จึงมีข้อแนะนำลูกค้าผู้ใช้รถว่า เมื่อต้องถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่ ให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ในศูนย์บริการเท่านั้น

ทั้งนี้เป็นเพราะผู้จำหน่ายรถยนต์เหล่านั้นกลัวช่างนอกศูนย์บริการจะถอดและใส่แบตเตอรี่ไม่ถูกต้อง หรืออาจจะเอาขั้วแบตเตอรี่มาวางแปะไว้กับขั้วสายไฟเฉยๆ เพื่อรอการขันนอตรัดขั้วแบตเตอรี่ดังที่เคยปฏิบัติกันมา ซึ่งในรถเหล่านั้นจะไม่สามารถทำได้ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ในยุคนี้จึงต้องทำด้วยความรวดเร็ว คลายนอตแล้วก็ต้องยกขั้วออกไปเลย เมื่อจะสวมกลับเข้ามาก็ต้องสวมแล้วขันนอตรัดขั้วเลยทันที และต้องทำทีละขั้วโดยไม่สลับขั้วผิดอย่างเด็ดขาด

เรื่องเล็กอย่างแบตเตอรี่ในปัจจุบันนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาได้ง่ายๆ ดังนี้ละครับ