อยู่ในป่าเรื่องไม่คาดคิดมักเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งแม้จะเตรียมตัวมาอย่างดี แต่ปรากฏว่าบรรดาสรรพสิ่งที่เตรียมมาทั้งหลายนั้นกลับไม่ได้ใช้อะไรเลย ขณะที่ของจำเป็นซึ่งเป็นอะไรที่เล็กน้อยกลับไม่ได้เอาติดมาด้วย
เช่นเดียวกับที่ว่าหากใครเคยเข้าป่าบ่อยๆ คงต้องมีโอกาสเจอกับพิษสงของหนามไผ่ป่า โดยเฉพาะกอที่แก่มากๆ บางครั้งยาวถึง 2-3 นิ้ว ก็มี และเจ้าหนามไผ่พวกนี้เองที่ทำให้ต้องถึงคราวปลดยางอะไหล่ออกมาใช้ให้สมกับที่ต้องแบกติดรถมาตลอดเวลา แต่บางเส้นทางยางอะไหล่ที่ติดรถคันละเส้นนั้น ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถรับมือกับหนามไผ่พวกนี้ รวมถึงความคมจากแง่มุมของก้อนหินได้เพียงพอ เอาเป็นว่ามาดูกันว่าคุณมีตัวช่วยอะไรติดตัวมาบ้าง

สเปรย์น้ำยาอุดรูรั่วของยาง อันนี้น่าติดรถไว้ตลอดครับ เดี๋ยวนี้ราคาไม่แพง ผมเคยซื้อได้ในราคาร้อยกว่าบาทเท่านั้น บางครั้งยังเห็นว่าแถมมากับน้ำมันเครื่องบางยี่ห้อก็เคยมี เช่นเดียวกับที่เคยเห็นจำหน่ายในแผนกอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ด้วยราคา 500 กว่าบาท สะดวกแบบไหนเลือกซื้อได้ครับ เพราะมีคุณสมบัติในการใช้งานแบบเดียวกัน และหลังจากแก้ปัญหาเฉพาะหน้าลุล่วงไปแล้ว แนะนำให้ถอดยางออกมาล้างด้านในและกระทะล้อด้วยเมื่อสะดวก เพราะน้ำยานี้จะมีส่วนทำให้ศูนย์ถ่วงของล้อไม่สมดุล ส่วนรอยรั่วไม่ต้องหาครับ เพราะถูกอุดเชื่อมด้วยน้ำยาเรียบร้อยแล้ว และไม่จำกัดว่าต้องเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ชอบเข้าป่าเข้าดงเท่านั้น ถึงควรพกน้ำยาแบบนี้ติดรถไว้ ไม่ว่ารถของคุณจะเป็นรถเก๋งให้แม่บ้านใช้หรือรถสปอร์ตคันสวยแนะนำว่าให้ติดรถไว้ด้วย สะดวกกว่าเยอะครับ

กลับมาในป่ากันอีก คราวนี้หากว่าถึงคราวยางรถของคุณต้องรั่วในป่า (ไม่เจาะจงว่าต้องเป็นหนามไผ่ป่าเท่านั้น) แถมยางอะไหล่ก็ถูกใช้ไปแล้วด้วย และมีแนวโน้มว่าอาจต้องรั่วอีกในเส้นทางข้างหน้า คราวนี้เองครับที่น้ำยาอุดรูรั่วอเนกประสงค์จะแสดงให้ถึงประสิทธิภาพ หลังจากถูกฉีดเข้าไปในล้อแล้ว ส่วนมากมักให้วิ่งด้วยความเร็วต่ำไปสักครู่เพื่อให้น้ำยาเคลือบด้านในของยางจนทั่ว จากนั้นจะเห็นน้ำยาถูกดันออกมาจากรอยรั่วเล็กน้อย ถ้ายังเห็นว่าสิ่งแปลกปลอมอะไรติดค้างอยู่ใช้คีมดึงออกมาได้ สักพักน้ำยาก็สมานรอยรั่ว พร้อมกับแรงดันลมที่อัดอยู่ในกระป๋อง และจากน้ำยาที่ทำปฏิกิริยากับอากาศก็จะทำให้มีแรงดันลมยางเพิ่มขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีน้ำยาหรือแรงดันลมยางมากเกินไปครับ เพราะหากในเส้นทางข้างหน้าคุณต้องพบกับปัญหาเช่นเดิมแบบนี้อีก น้ำยาก็ช่วยสมานรอยรั่วโดยอัตโนมัติ

มีเทคนิคพิเศษสำหรับตัวลุยที่มักมีน้ำหนักรถมากอยู่เล็กน้อย เพื่อให้อัดน้ำยาเข้าไปทางจุ๊บเติมลมได้สะดวก ให้ใช้แม่แรงยกล้อข้างที่รั่วขึ้นจากพื้นเล็กน้อย จะทำให้น้ำยาเข้าไปง่ายสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

แต่ถ้าคุณไม่มีน้ำยาที่ว่า หรือเกิดรั่วที่ล้ออื่นขึ้นมาอีก คราวนี้เปิดลังสัมภาระเช็คดูว่ามีตัวช่วยอะไรที่พอใช้ได้อีก เอาเป็นว่าที่เราต้องการก็คือ ตะปูเกลียวสักตัวและปั๊มลม ไม่ว่าจะเป็นแบบใช้พลังงานไฟฟ้าจากปลั๊กจุดบุหรี่ในรถ หรือแบบปั๊มด้วยพลังเท้า ที่กว่าจะเต็มก็เล่นเอาลิ้นห้อยได้ 3 - 4 คนเหมือนกัน หากคุณยังไม่มีติดรถไว้แนะนำให้ซื้อแบบไฟฟ้าจะเข้าท่ากว่า เดี๋ยวนี้ราคาไม่แพง ถูกสุดที่เคยพบประมาณ 300 กว่าบาท ไม่เกี่ยงว่าเป็นของจีนหรือจากที่ไหน ไม่ต้องกลัวพังเร็ว ของแบบนี้ใช้ครั้งสองครั้งก็คุ้มแล้วครับ

เมื่อพบรอยรั่วแล้ว หากเป็นการรั่วจากเศษไม้หรือหนามแบบที่ว่าไว้ตอนแรก ดูว่ายังมีเศษวัสดุคาอยู่หรือเปล่า แล้วใช้น้ำหยดสังเกตฟองอากาศ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ได้ถึงระยะเวลาที่ยังมีลมค้างอยู่ในยางในปริมาณหรือแรงดันในระดับที่ใช้งานได้ หากรั่วเพียงเล็กน้อยก็ให้อัดลมจากปั๊มที่เตรียมมาในแรงดันที่สูงกว่าปกติ เช่นปกติแรงดันลมยาง 30 ปอนด์ / ตารางนิ้ว ก็ให้อัดเข้าไปเป็น 45 ปอนด์ / ตารางนิ้ว เป็นต้น

แต่หากสังเกตไม่พบวัสดุอะไรอุดค้างอยู่และเป็นที่แน่นอนว่ารั่วจากจุดนี้แน่นอน ก็ให้ใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งครับ ด้วยการหาตะปูเกลียว หรือน็อต ที่มีขนาดใหญ่กว่าแผลรอยรั่วสักหน่อย (ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องใช้วิธีถอดเอาจากจุดใดจุดหนึ่งของรถที่จำเป็นน้อยที่สุดก็แล้วกัน) แล้วขันอุดเข้าไป จากนั้นจึงอัดลมเข้าไปในปริมาณมากกว่าปกติแบบที่ว่าไว้ เมื่อยางมีแรงดันก็จะไปดันตะปูเกลียวที่ขันอุดไว้ ทำให้ลมรั่วออกได้น้อยลงหรือหายรั่วเลยก็ได้ แต่วิธีนี้ใช้ได้กับรูรั่วที่หน้ายางเท่านั้น ห้ามใช้กับรูรั่วที่แก้มยางเด็ดขาดเพราะอาจทำให้ยางระเบิดได้
แต่หากไม่มีปั๊มลมติดรถมาด้วย อาจต้องใช้วิธีการแอดวานซ์ขึ้นมาอีกขั้น โดยใช้วีธีเผายางเพื่อสร้างให้เกิดแรงดันในยาง เรื่องแบบนี้ต้องว่ากันยาวเอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ