ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ การขับรถในขณะที่ฝนกำลังตก มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ดังนั้นในวันนี้ผมขอนำเสนอเรื่องราวที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกลางสายฝนครับ

อย่างแรกคงต้องดูความพร้อมของตัวรถ เริ่มจากกลไกระบบปัดน้ำฝนจะต้องมีสภาพของใบปัดมีความสมบูรณ์ เพราะรถยนต์ที่ถูกใช้งานในเมืองร้อนอย่างบ้านเราสภาพยางปัดจะหมดสภาพเร็วกว่ากำหนด ใบปัดน้ำฝนที่มีความสมบูรณ์จะสามารถตั้งฉากกับกระจกได้ตลอดการปัดเพราะแสดงว่าความแข็งแรงและความโค้งงอของก้านปัดมีความสมดุลดียิ่ง

ส่วนกระปุกสำหรับเก็บน้ำไว้หล่อเลี้ยงฉีดใบปัดก็ควรได้รับการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตะไคร้ เขียวๆ เกาะด้านในเพราะนั่นจะเกิดการอุดตัน หากพบว่าหม้อพักน้ำมีสภาพเก่ามากก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ ตำแหน่งการพุ่งฉีดของหัวฉีดจากฝากระโปรงไปยังแผ่นกระจกก็ควรจะได้รับการปรับตั้งหากทิศทางมีการเปลี่ยนแปลง การหมั่นตรวจสอบความพร้อมสำหรับการใช้งานก็ควรมีอย่างน้อยประมาณสัปดาห์ละครั้ง ทดลองฉีดปัดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการอุดตันหรือระบบปัดไม่ขัดข้อง การทดสอบระบบการปัดควรมีอย่างน้อย 5 นาที ตรวจสอบทุกจังหวะและควรจะสังเกตความสามารถปัดของใบปัดและฟังดูว่ามีเสียงอะไรดังบ้างระหว่างที่ทำการตรวจสอบ หากพบความผิดสังเกตก็นำรถไปให้ศูนย์บริการตรวจสอบซ้ำ ทั้งนี้เพื่อความแน่ใจว่ารถเรามีความพร้อมสำหรับการใช้งาน สำหรับการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนนั้นโดยส่วนตัวผมจะยอมลงทุนเปลี่ยนที่ศูนย์บริการเอาของแท้ แม้จะราคาแพงสักหน่อยแต่ก็ได้ของที่เราพึงพอใจและมีความรู้สึกว่าใช้งานได้หนักกว่า

ความสว่างของไฟส่องสว่างก็ควรจะได้รับการตรวจสอบระดับสูงต่ำว่าพอเหมาะหรือไม่ หากเราพบว่าโคมแก้วสกปรกก็ไปหาช่างให้ถอดทำความสะอาดจะได้ความสว่างเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หากเป็นโคมพลาสติกที่ถูกใช้งานมาแล้วนานหลายปีจะเปลี่ยนสีจากพลาสติกขาวเป็นสีเหลืองซึ่งจะลดความสว่างของแสง หากพบว่าสีเปลี่ยนไปมากก็หาซื้อมาครอบใหม่ ความสว่างจะดีขึ้น สำหรับหลอดไฟของทั้งคันทั้งไฟหน้าไฟสัญญาณต่างๆ ก็ควรจะมีสำรองหรือหมั่นตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานสมบูรณ์ ความสะอาดของโคมก็มีความสำคัญ หากเปื้อนก็ทำความสะอาดเสียเพราะความใสจะช่วยให้มีแสงสว่างเพิ่มมากขึ้น มองเห็นได้แต่เนิ่น ๆ

สำหรับแนวทางสำหรับการขับรถช่วงหน้าฝน หากรถที่ใช้ไฟเลี้ยวขาว ก็ให้สัญญาณแต่เนิ่น ๆ มากกว่าไฟสีเหลือง เพราะสีขาวลดการมองเห็น ไฟและสีของรถมีความเกี่ยวข้องกับการมองเห็นช้าและมองเห็นเร็ว การขับรถสีทึบในยามค่ำคืนขณะฝนตก รถที่วิ่งอยู่ด้านข้างหรือด้านตัดเช่นสี่แยกจะมองเห็นไม่ค่อยถนัดหรือเห็นได้ช้า ลำไฟหน้าส่องไปข้างหน้า รถที่วิ่งมาอีกด้านหนึ่งอาจจะมองไม่เห็น การมองเห็นลดลงมากขณะขับรถผ่านฝนเพราะน้ำจะเกาะกระจกส่องหลัง เกาะแผ่นกระจกหน้าต่าง ปัญหาการมองเห็นจะลดลงมากๆ

และรถที่ติดฟิล์มระดับความทึบสูง ๆ ตั้งแต่ 60 - 80% เมื่อต้องจอดรถติดสัญญาณไฟแดงหากเป็นไปได้ขอให้พยายามปิดประตูและ Lock ทุกบานเพราะรถที่ติดฟิล์มหากมีพวกคนบ้าเดินมาข้างรถแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างๆ เราก็คงจะไม่มีความสุข หากจะร้ายกว่านั้นมีมีดหรือปืนจะแท้หรือเทียมจ่อที่คอ ก็จะยิ่งทุกข์ไปกันใหญ่ ดังนั้นการป้องกันล้อมคอกก่อนวัวหายย่อมจะดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย

สำหรับการขับเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายรถคันหน้าหลักการก็ไม่มีอะไรมาก ขอให้เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากๆ เช่นหากใช้ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ก็เว้นระยะห่างประมาณ 50 - 60 เมตร เพราะเราต้องการระยะสำหรับการเบรกและระยะสำหรับการหาทางออกให้กับรถของเราหากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่เราควรจะต้องตระหนักคือต้องหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุในขณะฝนกำลังตก เพราะฝนตกสิ่งที่ตามมาคือรถติด การติดต่อประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ก็ทำได้ลำบาก

เมื่อฝนตกรถติดคือปัญหาของบ้านเราที่เกิดเป็นประจำทุกปี เราก็ควรหาวิธีการขับเพื่อไม่ให้ถนนมีปัญหาเพราะเราเกิดอุบัติเหตุ การขับรถหน้าฝนนอกจากความพร้อมของรถ ความใส่ใจในกฎระเบียบแล้ว เทคนิคเฉพาะก็ควรจะนำมาพิจารณาใช้เพื่อช่วยให้ปัญหาด้านการจราจรลดลงครับ