article [last update 13-11-06] อ่าน

การเลือกซื้อรถ (ตอน1)

วิธีการเลือกซื้อรถมาใช้งานสักคันหนึ่ง ว่าต้องเอาอะไรมาตัดสินใจบ้าง เพราะช่วงนี้กำลังจะซื้อรถคันใหม่ให้ตัวเอง และยังจะซื้อให้ลูกชายที่เรียนหนังสือจบมาแล้วและกำลังจะเริ่มต้นทำงาน เท่ากับว่ากำลังจะซื้อรถถึง 2 คัน แต่จะเป็นการซื้อช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว จึงขอถามแนวทางเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้นำไปประกอบการตัดสินใจในครั้งนี้

เมื่อคิดว่าจะซื้อรถยนต์สักคันหนึ่ง ต้องเริ่มต้นด้วยการถามตนเองให้แน่ใจก่อนว่า จะซื้อรถยนต์มาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เพราะคนไทยส่วนใหญ่มักจะซื้อเครื่องใช้ไม้สอยรวมทั้งรถยนต์ด้วยอารมณ์ มากกว่าที่จะซื้อด้วยเหตุผล

หลายคนจึงมีปัญหาเกิดขึ้นหลังจากที่ใช้รถไปได้ระยะหนึ่งว่า รถยนต์ที่ซื้อมาไม่เป็นที่ถูกใจหรือไม่สามารถสนองตอบการใช้งานได้ จนถึงขั้นต้องนำรถไปปรับแต่งโมดิฟายจนเสียเงินเสียทองอีกไม่น้อย บางคนแทนที่จะมีความสุขกับรถยนต์ที่ซื้อมาใหม่ๆ กลับหงุดหงิดทุกครั้งที่ขึ้นนั่งขับ บางครั้งบานปลายจนกลายเป็นการกระทบกระทั่งกันกับผู้ขายรถ หรือรถยนต์คันดังกล่าวกลายเป็นต้นตอปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัวเสียด้วยซ้ำไป

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมากสำหรับตลาดรถยนต์ในบ้านเราก็คือ ต้องการรถยนต์ไปใช้งานเพียงแค่ขับจากบ้านไปที่ทำงาน ขับจากที่ทำงานกลับไปบ้าน ซึ่งรวมระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตร และสภาพถนนที่วิ่งก็ไม่ได้เป็นทางขรุขระทุรกันดารอะไรนักหนา แต่ดันไปตัดสินใจซื้อรถยนต์แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพราะเห็นว่าเป็นแฟชั่นที่กำลังนิยมกัน

พอซื้อรถยนต์แบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบถาวร สิ่งที่ต้องพบอย่างแน่นอนก็คือ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่ารถขับเคลื่อน 2 ล้อ และความคล่องตัวในพื้นที่การจราจรแออัดมีน้อย อันเนื่องมาจากรถขับเคลื่อน 4 ล้อวงเลี้ยวจะกว้างกว่ารถขับเคลื่อน 2 ล้อ และขนาดของตัวถังค่อนข้างใหญ่เทอะทะ ค่าดูแลรักษาก็มีมากกว่ารถขับเคลื่อนสองล้อ จึงเกิดความรู้สึกว่ารถที่ซื้อมาเป็นภาระที่ใหญ่มากขึ้นทุกๆ วัน จนบางครั้งทนไม่ไหวต้องจอดเก็บไว้ที่บ้านแล้วใช้บริการถสาธารณะแทนก็ยังมี
ในต่างประเทศนั้นหากมีคน 3 คน อยู่ระหว่างการตัดสินใจซื้อรถยนต์คนละแบบคนละชนิด สมมติว่าคนที่ 1 อยากซื้อรถแบบสปอร์ต คนที่ 2 อยากซื้อรถเก๋งนั่งครอบครัว คนที่ 3 อยากซื้อรถยนต์แบบปิกอัพ คนทั้งสามจะมีความต้องการหรือมีคำถามที่ต่างกันออกไป

โดยคนที่หนึ่งจะถามเกี่ยวกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ กำลังม้าสูงสุดเท่าใด อัตราเร่งเป็นอย่างไร ความเร็วสูงสุดเป็นอย่างไร การเกาะถนนเป็นอย่างไร ประสิทธิภาพของเบรกเป็นอย่างไร ความแคล่วคล่องว่องไวหรือความคล่องตัวขณะขับขี่เป็นอย่างไร โดยคนที่ 1 ซึ่งอยากซื้อรถสปอร์ตนี้ จะไม่สนใจในเรื่องของความเงียบในห้องโดยสาร ไม่สนใจอัตราการบริโภคน้ำมัน ไม่สนใจความสะดวกสบายในห้องโดยสารและความนุ่มนวลของระบบช่วงล่าง

ในขณะที่คนที่ 2 ซึ่งหมายตาจะซื้อรถเก๋ง สมมติว่าเป็นรถเก๋งระดับ BMW 5 หรือ เมอร์เซเดสเบนซ์ อีคลาส ก็จะสนใจหรือมีคำถามเกี่ยวกับความสะดวกสบายของห้องโดยสาร ความเงียบของห้องโดยสาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ที่นั่งเบาะหลังนั่งสบายขนาดไหน เบาะนั่งนุ่มสบายก้นหรือไม่ พนักพิงนั่งแล้วปวดหลังหรือไม่ ช่วงล่างโยนตัวจนปวดหัววิงเวียนหรือไม่ อะไหล่และบริการหลังการขายเป็นอย่างไร โดยละความสนใจเรื่องอัตราเร่งและความเร็วสูงสุดเอาไว้ทีหลัง

หรือในคนที่ 3 ที่กำลังอยากซื้อรถยนต์ปิกอัพ ก็จะสนใจขีดความสามารถในการบรรทุก อัตราการบริโภคน้ำมัน ความทนทานของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ ความแพร่หลายของอะไหล่และการบริการหลังการขาย โดยไม่สนใจเรื่องความเงียบของห้องโดยสาร ความเร็วตีนปลายและอัตราเร่งตีนต้น ความนุ่มนวลของห้องโดยสารก็ไม่ให้ความสนใจ เพราะรู้ตัวว่าซื้อรถมาเพื่อการบรรทุกสินค้า

แต่ในประเทศไทยแล้วคน 3 คนที่มีความต้องการซื้อรถยนต์ต่างประเภทกันตามตัวอย่าง จะเอาความต้องการมารวมกันและถามในคำถามเดียวกัน เช่น ทุกคนจะต้องถามถึงอัตราความเร็วตีนปลาย ความเงียบในห้องโดยสาร ความนุ่มนวลและการเกาะถนน แม้แต่อัตราการบริโภคน้ำมัน คนไทยที่อยากจะซื้อรถยนต์สปอร์ตที่มีกำลังมากกว่า 300 แรงม้า ยังอยากรู้เลยว่ากินน้ำมันกี่กิโลเมตร/ลิตร

ดังนั้นก่อนที่จะควักกระเป๋าซื้อรถยนต์สักคัน ต้องถามตัวเองให้แน่ใจว่าจะเอารถยนต์มาใช้งานอย่างไร จะได้ตั้งคำถามหรือหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์คันนั้นๆ หรือประเภทนั้นๆ ได้ถูกต้อง เอาไว้มาว่ากันต่อคราวหน้านะครับ คงเป็นหนังเรื่องยาวละครับเรื่องนี้

 


teentoa.com ขอขอบคุณ
บทความโดย ออโต้ คลีนิค
เรียบเรียง ตีนโต ดอทคอม


article [last update 01-06-06]


 
Copyright @ 2005 / Web Designed by : teentoa / Since : 24 April 2006
All Right Reserved, Contact us : teentoa@yahoo.com