น้ำท่วมรถทั้งคันเป็นเรื่องที่เสียหายมากในการกู้คืน แต่ถ้าพอเป็นเรื่องรถอยู่บ้างก็ประหยัดเงินได้มากอยู่ดังที่ผมได้แนะนำไปเมื่อฉบับที่แล้ว ทวนความกันย่อๆ ก็คือต้องเอาน้ำออกจากรถจากเครื่อง จากเกียร์กันให้ได้มากที่สุด แล้วลองติดเครื่องทิ้งไว้ ผมจบตรงที่ติดเครื่องได้แล้วโดยไม่ต้องไปสนใจอาการที่อาจจะไม่สมประกอบจากเครื่อง เช่น เดินไม่เรียบ เดินเบาแล้วจะดับ มีเสียงผิดจากเคยได้ยิน มีควันจากท่อไอเสียทั้งกลิ่นและสีผิดไป ปล่อยไว้อย่างนั้นเพียงแต่แวะเวียนไปดูเกจ์ไฟชาร์จ เกจ์วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง เกจ์ความร้อนบ่อยๆ ว่าเป็นปกติดีไหม

ช่วงนี้ก็ตรวจดูไปเรื่อยๆ เริ่มที่ระบบความปลอดภัยก่อน เช่น ไฟแสงสว่าง เริ่มต้นกันที่ไฟเบรก เหยียบเบรกดูถ้าไฟไม่ติดก็เปิดเลนส์ถอยหลังดูขั้วหลอด หลอดอาจจะไม่ขาดแต่ขั้วหลอดอาจจะเป็นสนิมกระแสไฟเดินผ่านไม่ได้ ขั้วเสียบสายไฟเช่นกัน ดึงออกมาดูเป็นสนิมมากน้อยแค่ไหน ใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดที่สุดและน้ำยากำจัดสนิมที่มีขายอยู่ทั่วไป ทำความสะอาดแล้วตรวจสอบดูทำอย่างนี้ทั้งแผงไฟท้ายทั้งสองข้างก็จะได้ไฟหรี่ไฟเบรกไฟเลี้ยว ถ้าทุกอย่างทำงานดีหมดก็หมายถึงว่าถ้ามีความจำเป็นต้องขับรถก็มีความปลอดภัยพอสมควร
รถเดี๋ยวนี้กระจกขึ้นลงมักจะเป็นระบบไฟฟ้า เมื่อถอดแผงประตูออกไปแล้ว กระดาษทรายที่เหลือ น้ำยากำจัดสนิมที่มีอยู่ก็เอามาใช้งานขัดพ่นถูตามชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนไหวปลั๊กไฟขั้วไฟ ทำแบบเดียวกับไฟท้ายแล้วลองกดปุ่มควบคุมการทำงานดูว่าทำได้หรือไม่

ถ้ายังไม่ได้ก็อย่าเพิ่งใจเสียว่าตัวนั้นตัวนี้เสียต้องเปลี่ยน เพราะงานที่เราทำไปนั้นเป็นการทำความสะอาดภายนอก ส่วนภายใน เช่น ตัวมิเตอร์ในแผงสวิตช์เรายังไม่ได้แกะออกดูเลย ถ้ามีความสามารถที่จะทำได้ก็แกะออกทำความสะอาดตากแดดผึ่งลมหรือใช้ความร้อนเป่าให้แห้งสนิทก็น่าจะคืนกลับมาอยู่สภาพเดิมแล้ว ถ้าทำไม่ได้หรือทำแล้วไม่หาย (เพราะไม่ใช่ช่าง) ก็ประกอบคืนเข้าที่แล้วบันทึกเอาไว้ว่าจุดใดระบบใดไม่ทำงานเพื่อเป็นข้อมูลให้ช่างซ่อมแก้ไข

เอาละสมมติกันว่าระบบไฟฟ้าแก้ไขได้หรือแม้แต่ไม่ได้เราก็ได้รู้จุดแล้วว่าที่ไหนอะไรที่จะต้องให้ผู้ชำนาญการ ต่อมาก็ยกล้อขึ้น (ปล่อยให้เครื่องติดไว้) โดยใช้เครื่องมือประจำรถเช่นแม่แรงยกให้ล้อลอยตัว เอามือหมุนล้อดูว่าหมุนคล่องดีไหม ตรวจดูว่าจานเบรกมีอะไรไปขัดไปปิดหรือไม่ทำอย่างนี้ทั้ง 4 ล้อ เราก็จะพบว่าล้อทั้ง 4 มีปัญหาหรือไม่อย่างไร

ขั้นตอนต่อไปก็เอาล้อลงพื้น เก็บแม่แรงและเครื่องมือทำความสะอาดให้แห้งเก็บเข้าที่ เอาเบาะนั่งประจำที่คนขับเข้ามาติดตั้ง ยังไม่ต้องใส่พรมปูพื้น ขันนอตเบาะให้แน่น ลองเหยียบคลัตช์ เข้าเกียร์ ให้ได้ทุกตำแหน่งโดยไม่ต้องออกรถ ฟังดูว่าเมื่อปล่อยคลัตช์ในตำแหน่งเกียร์ว่างแล้วมีเสียงดังผิดปกติเกิดขึ้นไหม เหยียบคลัตช์แล้วเป็นอย่างไร เข้าเกียร์ทุกตำแหน่งติดขัดอะไรหรือไม่ ตรวจสอบในขณะรถจอดอยู่กับที่หลายๆ ครั้ง เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนรถย้ำเบรกหลายๆ ครั้งแบบเต็มแรง เพื่อตรวจสอบว่าเบรกทำงานไหม แล้วค่อยๆ ออกรถคลานไปรอบๆ ที่พักอาศัยฟังเสียงผิดปกติที่เกิดขึ้น ดูน้ำหนักของพวงมาลัย ระยะหักเลี้ยว ระยะหยุดรถเมื่อเบรก ถ้ามั่นใจว่าขับได้ก็ขับเข้าบ้าน ดับเครื่องตรวจวัดระดับของเหลวที่จำเป็นเช่นน้ำมันเครื่อง น้ำหม้อน้ำ น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัย เมื่อทุกอย่างอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ก็ขับไปปั๊มน้ำมันที่มีบริการรับเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน หรืออู่ประจำก็แล้วแต่สะดวก จัดการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เอาเกรดต่ำที่สุดใส่ไปก่อน น้ำมันเกียร์ น้ำมันพวงมาลัยและน้ำมันเบรกใช้ตามปกติ

เมื่อถ่ายน้ำมันเครื่องออก ถ้ามีน้ำเข้าไปผสมอยู่ก็จะได้เห็นชัดๆ กันตอนนี้ ที่แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องเกรดต่ำสุดก็เพราะใช้เพียงเพื่อขับในระยะสัก 200-300 กิโลเมตร เพื่อยืดเส้นยืดสายและให้น้ำมันเครื่องใหม่แม้เกรดต่ำเข้าไปทำความสะอาดภายในเครื่องอีกครั้งหนึ่ง การขับยืดเส้นยืดสายในครั้งนี้ก็เพื่อทดสอบระบบและกลไกการทำงานของระบบอื่นๆ เช่นช่วงล่าง ท่อไอเสีย พัดลมแอร์ไฟแสงสว่าง คลัตช์เกียร์ หรือแม้แต่เกียร์อัตโนมัติ ทั้งในแบบขับ 2 ล้อหรือขับ 4 ล้อ ว่าทุกอย่างมีอะไรที่จะต้องแก้ไขหรือไม่ บันทึกสิ่งผิดปกติเหล่านี้เอาไว้ เพื่อที่จะทำการแก้ไขต่อไป

เท่าที่เล่ามาทั้งหมดอาจจะดูเป็นเรื่องยากสำหรับคนไม่เป็น ในส่วนคนที่พอเป็นอยู่บ้างก็จะได้รู้ว่าจะเริ่มต้นกันอย่างไร ค่อยๆ ทำค่อยๆ ถอดค่อยๆ แกะ ถ้าทำได้เชื่อว่าจะประหยัดในการบูรณะหลังจมน้ำไปได้ครึ่งต่อครึ่งจากหลักหมื่นก็เหลือเพียงหลักพัน

สำหรับผู้ที่เป็นมืออาชีพและมีอาชีพให้บริการในเรื่องนี้ อาจจะมองว่าเป็นช่วงฤดูของการตักน้ำหรือฟันหัวชาวบ้าน ก็อยากจะบอกในฐานะที่เป็นคนที่เคยมีอาชีพนี้มาก่อนว่าเบาๆ ก็ได้น้องพี่ เท่าที่เกิดน้ำท่วมคราวนี้ก็กินไม่หมดแล้ว อย่าร่ำรวยบนความทุกข์ยากของผู้ใช้รถกันเลยครับ