ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ นั้น อาจจะใช้ได้กับความเชื่อของบุคคลที่มีต่อวัฒนธรรมและความเชื่อต่อขนบธรรมเนียมและศาสนา ซึ่งหากเรามีความเชื่อที่แตกต่างไปจากผู้อื่นก็จงอย่าไปหลู่ความเชื่อของเขา ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ถูกต้องสมควรยึดปฏิบัติให้เข้มแข็ง แต่หากเป็นความเชื่อในทางเดรัจฉานวิชา เช่นการผ่าท้องคนเอาเด็กในท้องมาทำกุมารทอง แล้วมีคนไปกราบไหว้เชื่อถืออมนุษย์ที่กระทำการอย่างนั้น ลักษณะวิธีการอย่างนี้ ผมว่าคนในสังคมไทยเราต้องช่วยกันลบหลู่ ไม่ต้องไปกลัวว่าเดรัจฉานวิชาอย่างนั้นจะมาทำอะไรกับเราได้

ใครกำลังจะซื้อรถใหม่ แต่อยากจะรู้ว่าต้องเลือกสีอะไรถึงจะถูกโฉลก และควรไปรับรถวันไหนถึงจะปลอดภัยและมีโชคจากการใช้รถคันนี้ ซึ่งหลังจากที่ผมอ่านคำถามแล้วทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวผมเองได้ปล่อยผ่านเรื่องนี้มานานเกินไปแล้วกระมัง

ก่อนอื่นเรียนให้ทราบก่อนว่าผมได้รับคำถามอย่างนี้ค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 5-6 ปีที่แล้ว ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งผมจัดรายการวิทยุช่วงเวลาดึกๆ แล้วก็มีการพูดคุยกับผู้ฟังถึงเรื่องของการคุยเล่นเกี่ยวกับกรณี “รถบอกนิสัย” ทีนี้ใครต่อใครก็เลยคิดว่าผมเป็นหมอดูหรือนักทำนายทายทัก จนมีคนขอฤกษ์ขอสีที่ถูกโฉลกขอเลขเด็ดสำหรับทะเบียนรถ วุ่นวายไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

แม้ว่าในชีวิตจริงผมจะเคยไปพบหมอดูมาบ้าง เนื่องจากผมอยากรู้ว่าการทำนายทายทักของหมอดูนั้น แต่ละคนใช้วิชาการอะไรมาทำนายทายทักกัน หรือแม้ว่าผมจะเป็นคนที่ชอบขับรถไปไหว้พระไหว้เจ้าตามศาลต่างๆ เป็นประจำ แต่เกี่ยวกับฤกษ์ผานาทีอย่างที่ถามมานั้น ผมกลับไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์อะไรให้กับเราได้มากกว่าเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

สูตรสำหรับการเลือกสีรถเพื่อให้เกิดความปลอดภัยระหว่างการใช้งานคือ จงเลือกรถที่มีสีสันสดใสสว่างไสวมองเห็นได้ชัดเจนแต่ไกล เช่นรถสีขาว สีบรอนซ์เงิน สีบรอนซ์ทอง สีเหลือง สีฟ้าอ่อน ฯลฯ จงอย่าเลือกสีรถที่เป็นสีเข้ม เช่น สีเทาเข้ม สีเขียวเข้ม สีน้ำเงินเข้ม สีดำ ฯลฯ เพราะสีเหล่านี้เมื่อขับในขณะที่ท้องฟ้ามืด จะทำให้รถคันอื่นหรือคนที่ใช้ถนนร่วมกับท่านมองเห็นได้ยากขึ้น เนื่องจากสีที่เข้มจะไปกลืนกับฉากหลังทำให้แยกแยะได้ยากขึ้น

สำหรับใครที่ชอบรถสีเข้มจริงๆ และอยากจะใช้ก็สามารถใช้ได้แต่มีคำแนะนำว่า คุณควรเปิดไฟหน้ารถเร็วกว่าบรรดาผู้ที่ใช้รถสีอ่อน หรือเมื่อมองจากกระจกส่องหลังเห็นว่าท้องฟ้าหรือฉากด้านหลังรถของคุณเริ่มมีแสงขมุกขมัว ก็ให้เปิดไฟหน้ารถขึ้นมาได้เลย และแนะนำว่าให้เปิดไฟใหญ่โดยไม่ต้องมัวไปเปิดไฟหรี่ให้เสียเวลา เดี๋ยวถึงเวลามืดมากขึ้น ท่านจะนึกว่าเปิดไฟหน้าใหญ่แล้วทั้งที่เปิดไฟหรี่อยู่เท่านั้นเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ในปัจจุบันนี้ ทั้งรถเก๋งหรูหราราคาแพงและรถปิกอัพมักจะมีไฟแบบที่เรียกกันว่า ไฟซีนอน เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อายุการทำงานของไฟซีนอนนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่เปิดมากกว่าที่จะขึ้นอยู่กับเวลาที่เปิดใช้งาน ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็อยากจะแนะนำให้เปิดไฟใช้งานตลอดเวลาที่ขับรถ ทำแบบเดียวกับที่รถมอเตอร์ไซค์เขาเตือนกันว่า “เปิดไฟ ใส่หมวก” แต่เรามาประยุกต์ เป็น “เปิดไฟ ใช้เข็มขัด” ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหาย

สำหรับคนที่ซื้อรถใหม่มาใช้งาน ผมมีข้อแนะนำอีกบางประการที่เห็นว่าจำเป็น เช่น จงฉีกพลาสติกที่หุ้มเบาะออกทันทีที่ขึ้นไปนั่งขับครั้งแรก มิฉะนั้นอาจจะทำให้ฤกษ์รถใหม่ของท่านเสียหาย เนื่องจากพลาสติกที่หุ้มเบาะจะทำให้เกิดการลื่นไถลของตัวผู้ขับ เมื่อต้องเหยียบเบรกกะทันหันอาจจะทำให้เท้าพลาดจากแป้นเบรกได้ อีกทั้งพลาสติกยังทำให้เกิดการอบจนเหงื่อเปียกที่ตัวและบริเวณต้นขา ทำให้สมาธิในการขับขี่เสียไป

หลายท่านที่ออกรถมาใหม่ๆ มักจะนำรถไปทำพิธีกรรมตามความเชื่อ บางท่านเอาธูปและช่อดอกไม้มาผูกติดไว้กับด้านหน้าของซี่กระจังรถ ด้วยความคิดที่จะไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คิดว่ามี แต่มองไม่เห็นตัว ผมอยากจะเตือนว่าท่านกำลังทำลายรถยนต์ของท่านอย่างร้ายแรง เพราะช่อดอกไม้อาจจะไปบังทิศทางการไหลของกระแสลม ที่จะเข้าไประบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ จนทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการร้อนจัดหรือโอเวอร์ฮีทขึ้นมาได้ และช่อดอกไม้ที่แห้งก็มีโอกาสที่จะปลิวเข้าไปอุดตันตามรังผึ้งหม้อน้ำ หรือร้ายกว่านั้นปลิวไปโดนบริเวณที่มีความร้อนสูงให้ห้องเครื่องเกิดไฟลุกไหม้ได้เช่นกัน

ยังมีเรื่องของการเอาช่อดอกไม้และพวงมาลัยไปแขวนที่กระจกมองหลัง ซึ่งทำให้บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ไปได้มาก หรือแม้แต่การนำเอาพระเครื่องหรือพระพุทธรูปขนาดต่างๆ มาประดิษฐานที่บริเวณแผงหน้าปัด ซึ่งพระเหล่านั้นจะเป็นตัวนำอันตรายมาให้ได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยบริเวณใบหน้าของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอาจจะไปโดนส่วนที่แข็งและแหลมคมขององค์พระ

หรือหากนำไปไว้บริเวณที่ถุงลมนิรภัยจะพุ่งออกมาเมื่อมีแรงกระแทก พระหรือเครื่องรางเหล่านั้นจะเท่ากับเป็นกระสุน ที่ถูกยิงออกมาจากการทำงานของถุงลม พุ่งเข้าสู่ใบหน้าหรือทรวงอกของผู้ขับขี่ได้อย่างคาดไม่ถึง
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของการที่ผมอยากจะเตือนท่านทั้งหลายเอาไว้ว่า บางครั้งเมื่อไม่เชื่อก็จงลบหลู่ด้วยการเตือนกันต่อๆ ไปว่าอย่ากระทำเยี่ยงนั้นเป็นอันขาดครับ