article [last update 14-03-07] อ่าน

เรื่องของเบรก (ตอน 7)

ก่อนนี้ความปลอดภัยในรถยนต์ฝากไว้กับโครงสร้างที่แข็งแกร่งของตัวถัง แต่เวลาที่ผ่านมาพิสูจน์กันแล้วว่า ความแกร่งให้ความปลอดภัยได้น้อยกว่าการยุบตัวหรือแตกหักเพื่อสลายแรงปะทะ ในการหลบหลีกหรือหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุนั้น เช่นกัน ฝากความหวังไว้กับความเร็ว ความแรงและความสามารถของผู้ขับ

ยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้รับการพัฒนาเพื่อเอามาใช้ในรถยนต์ ก่อนนี้เราอาศัยเพียงเบรกดีก็อาจจะรอด แต่เมื่อรถแรงขึ้นเร็วขึ้นเบรกดีอย่างเดียวไม่เพียงพอกับความปลอดภัยแล้ว การสรรหาตัวช่วยเพื่อควบคุมบังคับขับขี่รถยนต์ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น จึงมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

แรกเริ่มเดิมทีนั้น การหลีกเลี่ยง หรือ หลบหลีก เราต้องการเพียงการหยุดรถได้อย่างทันท่วงที หรือทันกับภาวการณ์ที่ต้องการ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ล้อทั้ง 4 จะล็อกตาย (เบรกดี) จึงเกิดระบบเบรกแบบ ABS เข้ามาช่วยลดทอนปัญหานั้นไป

ระบบ ABS จะทำงานต่อเมื่อแป้นเบรกถูกกด (เหยียบ) วงจรของระบบ ABS จึงจะทำงาน ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้รถประสบกันอยู่ ก็คือ เมื่อออกรถ ล้อขับ ล้อซ้าย-ขวา จะหมุนด้วยความเร็วที่ไม่เท่ากัน เมื่อสภาพถนนนั้นถูกปกคลุมด้วยหิมะ หรือน้ำ หรือพื้นที่ลื่น เมื่อล้อขับ 2 ล้อหมุนด้วยความเร็วที่ต่างกัน ทิศทางของรถจึงยากลำบากในการควบคุม ในยุคแรกๆ ของการแก้ปัญหาที่ยังไม่รู้จักกับระบบ ABS หรือยังไม่รู้จักพัฒนาเอาระบบ ABS ไปใช้อย่างอื่น

ทางแก้ที่ค่อนข้างจะได้ผลในการที่จะทำให้ล้อขับทั้งซ้ายและขวาหมุนด้วยความเร็วที่เท่ากัน ก็คือ การใส่อุปกรณ์ชุดหนึ่งเข้าไปในเฟืองท้าย ที่เรียกกันว่า "ลิมิเต็ดสลิป" (Limited Slip) ซึ่งอุปกรณ์ชุดนี้ จะทำหน้าที่บังคับให้ล้อหมุน (ล้อขับ) หมุนด้วยความเร็วที่เท่าๆ กัน เมื่ออยู่ในสภาพถนนที่ไม่เป็นใจ

จนเมื่อมีการใช้ระบบ ABS กันอย่างได้ผลและแพร่หลายในวงกว้าง การพัฒนาที่จะเพิ่มคุณประโยชน์ใช้สอยจากระบบ ABS จึงเกิดขึ้น และต่อยอดออกมาเป็นระบบ ETS Electronic Traction Support โดยใช้อุปกรณ์เดิมของ ABS และพ่วงต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปเพื่อควบคุมไม่ให้หมุนฟรี (ล้อขับ) ซึ่งมาทดแทนระบบลิมิเต็ดสลิป หรือดีฟเฟอเรนเทียลล็อก (Automatic Differential lock) ซึ่งทั้ง 2 ระบบมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เมื่อต้องการออกตัวบนพื้นผิวถนนลื่น ล้อขับต้องหมุนด้วยความเร็วที่เท่ากัน ในระบบลิมิเต็ดสลิปนั้น การจะทำให้ล้อขับหมุนด้วยความเร็วเท่ากัน จำเป็นที่จะต้องเพิ่มความเร็วของล้อขับด้านที่หมุนช้ากว่าให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น จนเท่ากับล้อที่หมุนเร็วอยู่แล้ว แม้จะได้ผล แต่ล้อตามก็มักจะตามไม่ทันล้อขับ อันเป็นข้อจำกัดของลิมิเต็ดสลิป หรือดิฟเฟอร์เรนเทียลล็อก ผู้ขับจึงต้องใช้จึงประสบการณ์ที่มากกว่าในการควบคุมหรือกำหนดทิศทางของรถ
ระบบ ETS (Electronic Traction Support) จะทำงานในการพัฒนาให้ระบบ ABS ใช้งานได้มากกว่าเดิม จึงทำให้เกิดระบบป้องกันล้อลักษณะตรงกันข้ามกันคือ เมื่อล้อขับล้อใดล้อหนึ่ง หมุนด้วยความเร็วมากกว่าล้ออื่นๆ ระบบ ETS จะบังคับโดยอัตโนมัติด้วยการสั่งการให้ล้อนั้น (ที่หมุนเร็วกว่า) ชะลอความเร็วลง ให้ล้อที่หมุนเร็วกว่าอยู่ในสภาพเดียวกับล้ออื่นๆ ซึ่งการทำงานนี้ ก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากการสั่งการของระบบ ABS ให้ระบบเบรกของล้อที่หมุนเร็วกว่าถูกเบรก หรือเบรกจับได้เองโดยอัตโนมัติ ในชุดอุปกรณ์ปกติของระบบเบรก ABS ก็จะมีสายจับสัญญาณความเร็วของล้ออยู่แล้ว เมื่อสายสัญญาณตรวจจับความเร็วของล้อได้ข้อมูลนั้น ก็จะถูกส่งไปยังสมอง ETS (ETS control module) เมื่อสมองได้รับข้อมูล ก็จะรายงานไปยังระบบ ABS ให้สั่งการให้ระบบเบรกของล้อนั้น ทำงานเมื่อเบรกทำงาน ความเร็วของล้อก็จะลดลง จนมีความเร็วเท่ากับล้ออื่นๆ การสั่งการก็จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ

ETS จึงเป็นระบบเสริมจากระบบ ABS โดยเอาส่วนที่ยังเหลือใช้ของระบบ ABS นั้นมาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า พูดกันง่ายๆ ก็คือ ระบบ ETS ใช้งานได้คุ้มค่ามากกว่าระบบลิมิเต็ดสลิป เช่น ผู้ขับรถไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญในการขับรถมากนัก เพราะระบบจะทำงานเอง เมื่อต้องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะเมื่อเบรกทำงาน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้รอบเครื่องสูงๆ

การกำหนดหรือควบคุมทิศทางก็ทำได้อย่างง่ายๆ เพราะล้อขับลดความเร็วลง ก็หมายถึงว่าล้อตามก็ต้องตามได้ทัน
ทางด้านการแข่งขันกันทางตลาด แม้จะส่งผลให้ราคาค่าตัวรถมีราคาสูงขึ้น แต่ถ้าการเพิ่มขึ้นของราคาค่าตัวแล้วเราจะได้มาซึ่งความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ในรถที่ติดตั้งระบบ ETS แม้ว่าการขับจะง่ายขึ้น แต่ก็ต้องใส่ใจกับสัญญาณเตือนที่หน้าปัด เมื่อระบบ ETS ทำงาน สัญญาณไฟ ETS ที่หน้าปัดจะกะพริบเตือน ซึ่งหมายความว่า ในขณะนั้นสภาพของถนนไม่เป็นใจให้คุณขับรถได้อย่างสะดวกสบาย หรือใช้ความเร็วสูงๆ ได้อีกต่อไป

ไฟเตือนชนิดหนึ่งที่เตือนก็คือ ตราบใดที่ไฟ ETS ติดแดงอยู่ตลอด (ไม่กะพริบ) สักชั่วระยะเวลาหนึ่ง นั่นก็หมายถึงว่า สัญญาณจับความเร็วที่ล้อใดล้อหนึ่ง หรือทั้ง 2 ล้อของล้อขับนั้น บ่งบอกว่าผ้าเบรก หรือจานเบรกของคุณถูกใช้งานหนัก (จากการสั่งการของระบบ ETS และ ABS) จนมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติที่ควรจะเป็น

และเมื่ออุณหภูมิของผ้าเบรก หรือจานเบรก ลดลงจนอยู่ในภาวะปกติ สัญญาณไฟนั้นจะหายไป ก็หมายความว่า คุณสามารถที่จะขับรถของคุณได้ตามต้องการแล้ว หรือเมื่อไม่ได้ใช้ระบบ ETS เมื่อคุณขับรถอยู่ในภาวะปกติ ไฟเตือน ETS แดงขึ้นตลอดเวลา ก็ไม่ต้องตกใจ รถคุณยังสามารถขับขี่ได้อย่างปกติ ระบบเบรกยังทำงานเป็นปกติ (เช่นเดียวกับเมื่อไม่ได้ติดตั้งระบบ ETS)
เมื่อมีเวลาว่างเมื่อใด จึงค่อยนำเข้าตรวจเช็คในศูนย์บริการ

 


teentoa.com ขอขอบคุณ
บทความโดย นายประโยชน์
เรียบเรียง ตีนโต ดอทคอม


article [last update 14-03-07]


 
Copyright @ 2005 / Web Designed by : teentoa / Since : 24 April 2006
All Right Reserved, Contact us : webmaster@teentoa.com นายตีนโต 08949-09005