article [last update 18-04-07] อ่าน

ฮัมเมอร์ h3 พวงมาลัยขวามาแล้ว

แม้ว่าเทียบเวลาก่อกำเนิดแล้วต้องถือมาทีหลังชาวบ้านเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่าชื่อชั้นของฮัมเมอร์ (Hummer) ในบรรดากระบวนตัวลุยทั้งหลายแล้ว ไม่ได้เป็นรองใครแต่อย่างใด ซ้ำยังต้องจัดอันดับให้อยู่ในแถวหน้าอีกต่างหาก

ฮัมเมอร์ในยุคแรกนั้น ดูจะมุ่งตอบสนองตลาดในแถบอเมริกาเป็นหลัก มิติและขนาดจึงออกไปในแนวบิ๊กไซส์เกินกว่าจะมาวิ่งแถบยุโรปและเอเชีย กระทั่งมาถึงรุ่นหลักอย่างฮัมเมอร์ เอช 3 ความเปลี่ยนแปลงในหลายด้านจึงปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งมิติตัวถังที่ถูกลดขนาดลง พร้อมเครื่องยนต์มีปริมาตรกระบอกสูบและอัตราความสิ้นเปลืองลดลง โดยยังคงสไตล์และขีดความสามารถด้านต่างๆ ไว้อย่างครบครัน

อย่างไรก็ตามความที่ยังคงมีการผลิตแต่แบบพวงมาลัยซ้ายเพียงแบบเดียว ทำให้การทำตลาดของฮัมเมอร์ ยังคงมีขีดจำกัด ขณะที่คู่แข่งต่างมีรถพวงมาลัยขวาออกมาพร้อมๆ กัน

ล่าสุดการปรับตัวครั้งใหญ่ของฮัมเมอร์ จึงเกิดขึ้นภายใต้การนำของ บ็อบ ลุทซ์ (bob lutz) รองประธานของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ผู้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลอย่างยิ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์

ฮัมเมอร์ เอช 3 พวงมาลัยขวา ถูกผลิตขึ้นในโรงงาน struandale ในเมือง portelizabeth แอฟริกาใต้ โดยมีการลงทุนไปกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ มีเป้าหมายที่กลุ่มประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวาทั้งในยุโรป เอเชียโดยเฉพาะญี่ปุ่น และแอฟริกา (โรงงานผลิตฮัมเมอร์ในสหรัฐ คือ shreveport ตั้งอยู่ที่หลุยเซียนา)

ในอดีต ฮัมเมอร์เคยผลิตรถพวงมาลัยขวาออกมาตั้งแต่ปี 1999 ส่วนฮัมเมอร์ เอช 3 รุ่นแรกนั้นออกสู่ท้องถนนครั้งแรกในปี 2005 และยังทำให้ฮัมเมอร์กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดแบรนด์หนึ่งในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว ในปี 2006 นั้น ฮัมเมอร์มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 34 เปอร์เซ็นต์ โดยมียอดจำหน่ายถึง 82,000 คัน เมื่อเทียบกับยอดจำหน่าย 61,000 คัน ในปี 2005

มิติตัวถังของฮัมเมอร์ เอช 3 ถูกลดขนาดลงจากเอช 2 ในทุกมิติ โดยสั้นลง 39 มิลลิเมตร เตี้ยลง 171 มิลลิเมตร และแคบลงอีก 73 มิลลิเมตร อันทำให้สัดส่วนโดยรวมอยู่ในระดับเดียวกับรถครอบครัวขนาดใหญ่นั่นเอง สามารถใช้งานบนท้องถนนอันคับคั่งได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยยังคงสมรรถนะในการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรดไว้อย่างครบถ้วน

ขุมกำลังถูกลดขนาดลงเป็นบล็อก vortec ความจุ 3.7 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน ให้กำลังออกมาที่ 242 แรงม้า หรือ 180 กิโลวัตต์ ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิด 328 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ hydra-matic 4l60 ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่รวมทั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบล็อกเพลาและระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ และเป็นครั้งแรกที่มีระบบเกียร์ให้เลือกได้ทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ จากเดิมที่มีให้เลือกเพียงแบบอัตโนมัติเท่านั้น

ความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด ต้องถือว่าเติมพิกัดกับมุมไต่มากถึง 37.5 องศา มุมจาก 35.5 องศา ลุยน้ำลึก 407 มิลลิเมตร ได้ที่ความเร็ว 32 กม./ชม. หรือลึกเพิ่มขึ้นเป็น 610 มิลลิเมตร ที่ความเร็ว 8 กม./ชม. พร้อมวงเลี้ยวแคบเพียง 11.3 เมตร ในเมืองไทยฟันธงว่า ได้เห็นแน่ครับ ในอีกไม่นานนี้

 


teentoa.com ขอขอบคุณ
บทความโดย ไลฟ์ ออล วีลไดร์ฟ
เรียบเรียง ตีนโต ดอทคอม


 







article [last update 18-04-07]

 
Copyright @ 2005 / Web Designed by : teentoa / Since : 24 April 2006
All Right Reserved, Contact us : webmaster@teentoa.com นายตีนโต 08949-09005