article [last update 25-04-07] อ่าน

รถกินน้ำมันเครื่อง

ดูจะเป็นคำถามที่ยังถามกันอยู่ตลอดเวลาว่าใช้รถผ่านหลักแสนกิโลเมตรไปแล้วเครื่องจะต้องหลวม จะต้องยกเครื่อง ถ้ายังคิดกันอยู่อย่างนั้นก็อยากให้คิดกันใหม่อีกสักครั้ง รถยนต์ในสมัยก่อนนี้ไม่ว่าจะเป็นรถอะไรก็ตามที่ย้อนหลังไปสัก 20 ปี วัสดุที่นำมาผลิตเป็นชิ้นส่วนต่างๆ นั้นส่วนมากจะเป็นสารเชิงเดี่ยวทำกันแบบตรงไปตรงมา น้ำมันเชื้อเพลิงเช่นกัน สารปรุงแต่งอะไรก็ยังไม่ค่อยมีให้ใช้ พูดง่ายๆ ว่าจุดไฟติดก็นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ เมื่อเผาผลาญออกไปเป็นไอเสียแล้วจะปล่อยสารพิษอะไรออกไปบ้างก็ไม่มีใครสนใจ

สารหล่อลื่นก็เช่นกันเป็นสารเชิงเดี่ยวหล่อลื่นกันตรงๆ เท่านั้น เมื่อองค์ประกอบหลายๆ อย่างตรงกัน อายุการใช้งานของรถยนต์หรือเครื่องยนต์ก็มีจำกัด และประการสำคัญในยุคนั้น การที่จะใช้รถให้วิ่งผ่านหลักแสนกิโลเมตรไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ บางคันบางประเภทเป็น 10 ปี ดังนั้นเมื่อรถใช้งานมาแล้วแสนกิโลเมตรก็มีเหตุอันสมควรที่จะพูดกันได้ว่าเครื่องหลวมแล้ว

รถในปัจจุบันหรือรถที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นมานั้น แตกต่างกันอย่างมากมายทั้งวัสดุที่ใช้ผลิต กรรมวิธีในการผลิตตลอดจนน้ำมันเชื้อเพลิง กระบวนการในการกลั่นสารปรุงแต่งที่ช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไอเสียก็สะอาดหมดจดขึ้น ทั้งนี้รวมทั้งเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ก็พัฒนามาถึงขั้นที่ให้เกิดการเผาไหม้หมดจดมากขึ้น เชื้อเพลิงใช้น้อยลง

สารหล่อลื่นหรือน้ำมันเครื่องก็เช่นกันได้รับการพัฒนาให้ช่วยรักษาเครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ดังนั้นรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถชนิดใด เครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบใด เรื่องเครื่องหลวมก่อนที่จะถึง 3 แสนกิโลเมตร จากการใช้งานตามปกตินั้นเลิกพูดกันได้เลย

สิ่งที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเครื่องหลวมก็คือ การกินน้ำมันเครื่อง รถที่มีอาการกินน้ำมันเครื่องอย่างผิดปกติจะเป็นตัวบ่งบอกอย่างสำคัญว่าเครื่องหลวม แต่อาการที่ว่ากินน้ำมันเครื่องนั้น ต้องแน่ใจก่อนว่าไม่มีจุดรั่วซึมใดๆ ในเครื่องยนต์ รถที่ใช้งานมานานแล้วคงจะวินิจฉัยกันได้ไม่ยากนักถึงสาเหตุของการกินน้ำมันเครื่อง

ปัญหาเรื่องกินน้ำมันเครื่องเมื่อเกิดขึ้นกับรถใหม่ๆ (ในระยะรับประกัน) นั้นเป็นเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าทั้งผู้ใช้และผู้ผลิตที่จะค้นหาคำตอบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะมีตัวแปรมากมายที่จะทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการกินน้ำมันเครื่อง

ตัวแปรที่สำคัญที่ไม่มีการยอมรับซึ่งกันและกัน เริ่มด้วยผู้ใช้รถความสำคัญอยู่ว่าเมื่อแรกใช้รถ (ระยะรันอิน) นั้นใช้งานได้อย่างถูกต้องเพียงไร ปฏิบัติตามคู่มือการใช้รถได้ดีเพียงใด รถยนต์ทุกวันนี้แม้จะดูเผินๆ ว่าก็เหมือนๆ กัน แต่การพัฒนาของการผลิตทั้งเรื่องการออกแบบรูปทรงการคัดเลือกวัสดุที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบต่างๆ นั้นจะพูดว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของนวัตกรรมในด้านนี้ก็ไม่ผิดนัก ดังนั้นแม้ผู้ใช้รถจะผ่านการใช้งานกับรถคันอื่นๆ มามากมายเพียงไร เมื่อเปลี่ยนรถคันใหม่ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจถึงการใช้งานในส่วนประกอบต่างๆ ให้ถ่องแท้ หลายๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถใหม่ๆ ในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากผู้ใช้รถที่ไม่เข้าใจในการใช้งานอย่างถูกต้อง

ตัวแปรที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ น้ำมันเครื่อง ที่ปัจจุบันนี้มีน้ำมันเครื่องให้เลือกใช้กันได้หลายแบบ และยังเป็นที่ถกเถียงกันไม่รู้จบว่าจะใช้น้ำมันเครื่องแบบใดจึงจะเหมาะสมกับเครื่องยนต์ที่ต้องการใช้ น้ำมันเครื่องในปัจจุบันมีกระบวนการผลิตที่ยุ่งยากซับซ้อน มีการเพิ่มเติมสารเคมีเพิ่มเข้าไปในเนื้อของน้ำมันมากขึ้น สารเคมีหลายๆ อย่างที่ปรุงแต่งให้ น้ำมันเครื่องเป็นสารหล่อลื่นที่มีคุณสมบัติที่ดีเลิศนั้นอาจจะมีบางตัวที่ทำให้ระเหยไปจาก (ความร้อน) การใช้งานมากหรือน้อยแตกต่างกันไปตามการใช้งานของเครื่องยนต์หรือสภาพของภูมิอากาศ

ตัวแปรที่สำคัญที่สุดคือผู้ผลิตเครื่องยนต์นั้นๆ ผู้ผลิตเครื่องยนต์ในปัจจุบัน มีกฎกติกาในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่าและการสงวนไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีเหลือให้ใช้น้อยลงทุกที เข้ามาเป็นตัวกำหนดชี้นำ ก่อนนี้เครื่องยนต์ถูกสร้างขึ้นด้วยปรัชญาที่ว่าแข็งแรงทนทานแรงดีเท่านั้นก็น่าจะพอแล้ว แต่ปัจจุบันต้องเพิ่มความประหยัดและรักษาสภาพแวดล้อมเติมเข้าไป ในปรัชญาการผลิต การเลือกใช้วัสดุที่จะนำมาผลิตเครื่องยนต์นั้นจึงต้องใช้วัสดุในแนวทางเดียวกัน จะเห็นได้ว่าเครื่องยนต์ในยุคก่อนๆ นี่ช่องว่างของชิ้นส่วนต่างๆ (Clearances) มีระยะห่างมากกว่าในยุคปัจจุบัน เมื่อช่องห่างหรือ Clearances มีช่องห่างน้อยลง แต่ความเป็นจริงที่ว่าชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนไหวจะต้องมีการหล่อลื่น สารหล่อลื่นจึงต้องมีความข้นใสหรือคุณสมบัติที่ต่างออกไปจากยุคก่อน

ถ้าเขียนกันแบบชาวบ้าน สารหล่อลื่นในปัจจุบันจึงต้องมีความข้นใสที่ใสมากกว่าในยุคก่อน เพื่อที่จะแทรกซึมเข้าไปหล่อลื่นตามชิ้นส่วนที่มีช่องห่างน้อยกว่ายุคก่อน อีกประการหนึ่งเครื่องยนต์ในปัจจุบันจะทำงานหนักกว่า (รอบจัดกว่า แรงม้าแรงบิดสูงกว่า) การสึกหรอของชิ้นส่วนกลไกต่างๆ จึงเพิ่มมากขึ้น

ภาระต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นของเครื่องยนต์เมื่อเทียบกับในอดีตจึงส่งผลมาถึงเรื่องของการกินน้ำมันเครื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ผลิตรถยนต์หลายๆ ค่ายจึงมีข้อกำหนดในการตรวจสอบถึงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องอย่างเข้มงวดและรัดกุม และอยู่ในแนวทางเดียวกัน เช่น ในทางปฏิบัติแล้วถ้าอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์ที่ยังอยู่ในระยะรับประกันไม่สูญหายไปมากกว่า 1 ลิตรต่อระยะทางวิ่ง 1,000 กิโลเมตร แล้ว ก็ถือว่าเป็นการสูญหาย (กิน) ที่ปกติ เมื่อใดก็ตามที่อาการกินน้ำมันเครื่องมากกว่านั้นก็อาจจะสรุปได้ว่าเครื่องหลวม แต่ก่อนที่จะสรุปกันถึงขั้นนั้นก็ต้องผ่านการตรวจสอบหลายครั้งหลายครา อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคหรือผู้ใช้รถไม่เข้าใจจึงเกิดการเข้าใจผิดแล้วเลยเถิดไปเป็น “เขาว่า” รถรุ่นนั้นยี่ห้อนั้นกินน้ำมันเครื่อง

ส่วนที่พูดกันว่าเครื่องไม่มีแรง กำลังตกโดยที่การกินน้ำมันเครื่องยังไม่อยู่ในข่ายที่กินผิดปกติ ก็ต้องมาพิจารณาถึงสาเหตุหรือตรวจสอบที่มาที่ไปกันว่าที่ว่ากินนั้นกินอย่างไรเกิดจากจุดใดของเครื่องยนต์ หลายๆ คนมักจะได้รับการแนะนำว่าการแก้ปัญหาของเครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่องในรถยนต์ที่ใช้งานมานานแล้วทำกันเพียงแค่เปลี่ยน แหวนบดวาล์ว ก็พอแล้วแก้ปัญหาได้แล้ว แต่ความจริงแล้วเป็นคำแนะนำที่ไม่ถูกต้องนักเพราะเครื่องยนต์ของรถที่จะยกเครื่องในการเปลี่ยนแหวนบดวาล์วนั้นมีภาระจากการทำงานมากมาย

การสึกหรอที่เกิดขึ้นจึงมากกว่าทำเพียงแค่นั้น แหวนที่สึกไปเกิดจากการทำงานหนัก กระบอกสูบก็จะสึกตามไปด้วย เมื่อกระบอกสูบสึกตาม การสึกหรอของแหวนลูกสูบที่เดิมทีมีช่องห่างระหว่างกระบอกสูบน้อยก็จะห่างมากขึ้นตามการสึกหรอ วาล์วหรือลิ้นทั้งไอดีไอเสียทำงานหนักจากการกระแทกกับบ่าวาล์วก็จะทำให้บ่าวาล์วนั้นสึกตามไปด้วยก้านวาล์วที่อยู่ในปลอกวาล์วเสียดสีกันตลอดเวลาจากการทำงานหนักของเครื่องยนต์ก็จะสึกหรอตามไปด้วย เมื่อมาถึงขั้นนี้ที่คุณสรุปได้ด้วยข้อมูล (อัตราการกินน้ำมันเครื่อง) และหลักฐานว่าเครื่องหลวม ผมก็อยากจะแนะนำว่า การยกเครื่อง (Engine overhaul) เป็นงานใหญ่ที่ไม่ควรจะประหยัดในจุดที่สำคัญๆ ก็คือคว้านเสื้อสูบเปลี่ยนลูกสูบเปลี่ยนแหวนใหม่ เจียรข้อเหวี่ยง ฯลฯ

เมื่องานเสร็จคุณก็จะได้เครื่องยนต์ที่มีเรี่ยวแรงแข็งขันเหมือนเครื่องเดิม เมื่อครั้งเป็นป้ายแดงในครั้งกระโน้น แต่ถ้าหากคุณอยากประหยัดทำตามที่ช่าง (ส่วนมาก) แนะนำว่าเปลี่ยนแหวนบดวาล์วก็พอแล้วบอกได้ว่า ไม่คุ้ม เพราะรถคุณก็จะยังกินน้ำมันเครื่องอยู่เหมือนเดิม

 


teentoa.com ขอขอบคุณ
บทความโดย นายประโยชน์
เรียบเรียง ตีนโต ดอทคอม


article [last update 25-04-07]


 
Copyright @ 2005 / Web Designed by : teentoa / Since : 24 April 2006
All Right Reserved, Contact us : webmaster@teentoa.com นายตีนโต 08949-09005