article 30-05-06 [page 2 : 4 prev : next]

1982 ทศวรรตใหม่ของเอสเจซีรี่ย์ (SJ Series) ซามูไร (Samurai) เซียร์ร่า (Sierra) จิมนี่ (Jimny)

หลังจากซูซูกิได้พิสูจน์ฝีมือในการทำรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ทำรถเป็นที่ถูกอกถูกใจตลาดทั้งในและนอกญี่ปุ่น เป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อก้าวเข้าสู่ทศวรรตที่ 80 ซูซูกิก็เปิดตัวซูซูกิสี่คูณสี่สายพันธุ์ใหม่ นั่นก็คือ SJ410 เป็นต้นตระกูลของรุ่น SJ ซีรี่ย์ ตัวเลข “410” ที่กำกับไว้บอกให้รู้ว่า รถคันนี้เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ มีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร นอกจากชื่อ “เอสเจ410” แล้วคนยังรู้จักรถคันนี้ในชื่อ “SJ30” บ้างหล่ะ หรือบางประเทศก็เรียกว่า “เซียร์ร่า (Sierra)” หรือไม่ก็อีกชื่อหนึ่งคือ “จิมนี่ (Jimny)” ทั้งนี้ขึ้นอยู่กลับว่ารถขายอยู่ในประเทศอะไร ในอินเดียมันเป็นที่รู้จักในนาม “มารูติ ยิปซี่” (Maruti Gypsy) ในขณะที่พวกออสซี่ ในออสเตรเลียเรียกรถซูซุกิรุ่นนี้ว่า “โฮลเด้นโดรพเว่อร์ (Holden Drover)” รถซูซูกิ SJ30 เป็นรถที่กว้างขว้าง และทันสมัย ดึงจุดเด่นและแก้ไขจุดด้อยของ LJ ซี่รี่ย์ ที่ผลิตก่อนหน้านี้ในยุคทศวรรตที่ 70 เครื่องยนต์ 4 สูบ 970 ซีซี (ซึ่งใหญ่กว่าเครื่องของ LJ80) รีดแรงม้าออกมาได้ 45 แรงม้า แรงบิดดีขึ้น ทำให้ SJ30 ออกตัวได้รวดเร็ว แม้ว่าขนาดของรถจะหนักว่า LJ ถึง 300 ปอนด์ (136 กิโลกรัม) ความเร็วสูงสุดของรุ่นนี้ทำได้ 68 ไมล์ (109 กม.)/ชม.

ข้อแตกต่างจาก “ซามูไร” ที่พบเห็น คือใช้เครื่องยนต์เล็กกว่า “แทร็ควิธ” หรือ Track Width หน้า/หลัง แคบกว่า แหนบยึดติดกับตัวรถ อัตราทดต่ำลง 12% สำหรับ 4H, 4L และลดลง 10% สำหรับทุกๆ เกียร์สี่สปีด เบรคหน้า/หลังเป็นดรัมเบรค กล่องเกียร์ (Transfer Case) ยึดติดอยู่กับเบรคมือ ไม่มีโรวบราติดมาจากโรงงาน คอนโซลหน้ากับที่นั่งออกแบบมาเป็นอย่างดี มีให้เลือกหลายรุ่น ตั้งแต่ รุ่นเปิดประทุน, กระบะ หลังคาแข็ง หลังคาพาโนรามิค และรุ่นหลังคาแข็งแบบไม่มีกระจก (no-glass hardtop)
ในอังกฤษมีสัญญาสุภาพบุรุษระหว่างอังกฤษกับญี่ปุ่น ในการจำกัดโควต้า หรือจำนวนรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นไว้แค่ 11 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เหลือส่วนแบ่งน้อยมากสำหรับซูซูกิผู้มาทีหลัง แต่เนื่องจากซูซูกิ “เอสเจ ซี่รี่ย์” ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะนั้น ผลักดันให้ซูซูกิไปลงทุนผลิตรถสี่คูณสี่ในสเปน โดยซื้อหุ้นจำนวน 32 เปอร์เซ็นต์กับบริษัทซานตาน่า เอสเอ (Santana SA) ผู้ผลิตรถแลนด์โรเว่อร์ ทำให้ซูซูกิได้รับสิทธิพิเศษในการส่งรถเข้าไปขายในอังกฤษ

ในปี 1983 ซูซูกิมองเห็นตลาดที่สดใสสำหรับรุ่น SJ410 และ SJ413 ซูซูกิออกแบบใหม่ ทำให้รถยาวมากกว่าเดิม ขยายฐานล้อ (wheelbase) ออกไปอีก 13.5 นิ้ว ขยายความยาวของตัวรถไปอีก 23 นิ้ว มีหลายรุ่นให้เลือก ตั้งแต่เปิดประทุนที่มีทั้ง 4 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ไปจนถึงรุ่นหลังคาแข็ง รุ่นกระบะมีให้เลือกสามแบบ และมีรุ่นสี่ประตูหลังคาแข็ง ที่ผลิตออกมาน้อยมาก ความหลากหลายของแต่ละรุ่น ทำให้ ซูซูกิเอสเจซี่รี่ย์ได้รับความนิยมสูง เพราะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน ทำให้มีการผลิตมาจนถึงปัจจุบัน

ปี 1984 มีการปรับโฉมซูซูกิเอสเจซี่รี่ย์ครั้งสำคัญ SJ413 นำเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร บล๊อคอลูมิเนียมมาใช้ ความจุกระบอกสูบ 1324 ซีซี ขับเคลื่อนสี่ล้อ เปลี่ยนเบรกหน้าเป็นระบบดีสเบรค ส่วนเบรกหลังยังคงเป็นดรัมเบรค เบาะที่นั่งและแด็ชบรอดออกแบบใหม่ให้สวยหรู กระจังหน้าที่เป็นขีดๆ แนวตั้ง ของรุ่นก่อนเป็นโลหะ พอถึง SJ413 ซูซูกิเปลี่ยนเป็นพลาสติกอย่างที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน

หมายเหตุ : ซูซูกิยังไม่เปลี่ยนระบบเบรคเป็นเพาเว่อร์จนกระทั้งถึงรุ่น SJ410 ปี 1985
แผงกระจังหน้าที่เป็นโลหะถูกใช้มาจนถึง รุ่น SJ410 ปี 1985

ถึงช่วงกลางทศวรรตที่ 80 รถซูซูกิขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ราคาประหยัดแต่สมรรถนะสูงได้รับความนิยมในหลายประเทศ มีการนำไปใช้งาน และจำหน่ายในประเทศที่มีภูมิประเทศที่ทุรกันดาร เอาไปปืนป่ายในที่ที่ถนนหนทางไม่ค่อยสะดวกสบายเหมือนในเมือง เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของตลาดรถสี่คูณสี่ขนาดเล็ก ซูซูกิขยายโรงงานผลิตที่สเปน เปิดโรงงานใหม่ที่อินเดียเพื่อเสริมกำลังการผลิตโรงงานแม่ที่ฮามามัตซึ ประเทศญี่ปุ่น

จนถึงปี 1985 ซูซูกิก็ยังไม่ได้จำหน่ายรถสี่คูณสี่อย่างเป็นทางการในประเทศอเมริกา แต่รถ SJ410 กว่า 3000 คันถูกนำเข้าโดยดีลเล่อร์อิสระ จากความสำเร็จทางด้านการตลาดใน 100 กว่าประเทศทั่วโลก ซูซูกิมองเห็นตลาดที่สดใสของรถขับเคลื่อนสี่ล้อขนาดเล็กในอเมริกา สุดท้ายก็มีการนำเอา SJ413 มาแปลงโฉมนิดๆ หน่อยๆ แล้วเรียกชื่อใหม่ว่า “ซามูไร” เพื่อขายในอเมริกา แต่น่าเสียดายที่เป็น รุ่นเปิดประทุน ช่วงสั้น กับรุ่นหลังคาแข็งเท่านั้น

ปี 1985 ซูซูกิเปิดตัว ซามูไร รุ่นล่าสุดในตลาดอเมริกา ก่อนที่จะกลายเป็นรถสุดฮิตติดลมบน เพิ่มยอดขายให้ซูซูกิถล่มถลาย ราคาเริ่มที่ 6200 ดอลล่าร์ ไปจนถึงรุ่นท้อปที่ 7500 ดอลล่าร์ ทำให้หลายคนอดรนทนไม่ได้ต้องหารถซามูไรมาใช้จนได้ ยอดนำเข้าในตอนแรกเริ่มที่ 1200 ต่อเดือน เมื่อได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ยอดขายเพิ่มเป็น 8000 คันต่อเดือน ทำให้ยอดการขายซูซูกิซามูไรในปี 1985 จบอย่างตัวเลขที่สวยหรู กับจำนวน 47000 คัน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับรถเปิดประทุนที่ขายดีที่สุด และรถญี่ปุ่นที่ขายดีที่สุดในปีแรกของตลาดอเมริกา

ซูซูกิเดินตามรอยโฟคเต่า ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำตลาดทั่วโลก มีการปรับโฉมใหม่แต่ไม่เปลี่ยนรูปไปจนคนจำไม่ได้ ออกแบบโดยอาศัยพื้นฐานของความเรียบง่าย กลางปี 1988 ซามูไรก็รับการปรับโฉมครั้งสำคัญ เพื่อทำให้ซูซูกิซามูไรเป็นรถที่ขับสนุกบนทางเรียบ ช่วงล่าง สปริงและโช้ค ถูกปรับให้นิ่มขึ้น มีการนำโช้คกันสะบัดมาใช้เพื่อทำให้สะดวกขึ้นขณะที่ขับเลาะเลี้ยวไปตามพื้นที่แคบๆ วกไปวนมา

เกียร์ 5 ถูกนำมาใช้ เพื่อเพิ่มสมรรถภาพในการขับบนทางเรียบ หม้อน้ำอลูมิเนียม ฝาครอบวาวออกแบบใหม่ ทรานส์เฟอร์เคสใหญ่ขึ้น แด็สบรอดและคอลโซลหน้าออกแบบใหม่หมด ช่องแอร์เดิมที่เป็นโค้งๆ ถูกออกแบบใหม่ให้เป็นช่องสี่เหลี่ยม เพื่อรับกับช่องวิทยุ พวงมาลัยยึดด้วยน๊อตสี่ตัว แทนที่จะเป็นสามตัวเหมือนรุ่นก่อนๆ เบาะนั่งสบาย หัวเกียร์หุ้มด้วยหนัง แผงหน้าหม้อน้ำก็ออกแบบใหม่

 


teentoa.com ขอขอบคุณ
บทความโดย Geoff Beasley
แปลโดย ตีนโต ดอทคอม



 

History Part 1

History Part 2

History Part 3

History Part 4


sj30


sj410-1


sj410-2


lwb-ute


panoramic


lwb01


crewcab


4doorsam


pickup


lwb-1


samurai

 

 

article 30-05-06 [page 2 : 4 prev : next]

 
Copyright @ 2005 / Web Designed by : teentoa / Since : 24 April 2006
All Right Reserved, Contact us : teentoa@yahoo.com