ช่วงปลายปี 1996 ซูซูกิเปิดตัวรถใหม่ ที่ออกใหม่ทั้งคัน ชื่อ “เอ็กซ์ -90” เป็นรถสปอร์ตคูเป้ทีท้อป ใช้เฟรมของซูซูกิไซด์คิ้กช่วงสั้น ทำออกมาหน้าตาน่ารัก คันเล็กๆ ขายได้ดีทีเดียวในบางตลาด โดยเฉพาะประเทศที่เป็นเกาะแก่ง แต่สำหรับแฟนซูซูกิในบางประเทศยอมรับไม่ได้ และทำใจรำบากับหน้าตาของเอ็กซ์-90 ที่ออกมาเหมือนรถการ์ตูนส์มากกว่ารถขับเคลื่อนสี่ล้อ ”ตัวลุย” จริงๆแล้ว เอ็กซ์-90 ก็ลุยเหมือนกัน ลุยได้เหมือนเหมือนไซด์คิก แต่คนสวนใหญ่ชอบเอามันขับบนทางเรียบมากกว่า เอาไปปืนป่ายตามทุ่งตามท่า ที่ทรุกันดาร ซูซูกิเอ็กซ์-90 เปรียบเสมือนสัตว์ร้ายตัวน้อยที่ถูกแฟนอ๊อฟโร้ดมองข้าม

1998: ซูซูกิ วิทาร่า (Suzuki Vitara)

หลังจากงานเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ระดับโลก หลายๆเวที ซูซูกิก็ส่งรถสี่คูณสี่คันที่แรงที่สุด ใหญ่ที่สุด ออกสู่ท้องตลาด ใช้เครื่องยนต์สี่สูบ ตัวรถมีทั้งแบบ 3 ประตู และ 5 ประตู ทั้งเปิดประทุนและหลังคาแข็ง ใช้ชื่อในการขายทั้งวิทาร่า และเชพโลเรตแทรคเก่อร์ นอกจากนี้ยังมีตัวท็อป สเปคสูง อย่างแกรนด์วิทาร่า ที่ลงเครื่อง 6 สูบ วางในรูปตัววี ทำให้ซูซูกิได้เลื่อนชั้นเป็นผู้ผลิตรถสี่คูณสี่ระดับโลก

ด้วยเครื่องยนต์ตัวใหม่ ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถภาพ และการตกแต่งภายในที่หรูหรามีระดับกว่าทุกๆครั้ง ทำให้ซูซูกิก้าวไปก้าวผ่านสหัสวรรตใหม่ไปอย่างมั่นใจ เครื่องยนต์ DOHC สองลิตร 16 วาวล์ รีดม้าออกมาได้ 127 แรงม้า เป็นเครื่องใหม่ที่ซูซูกิพัฒนามาจากเครื่อง 1.8 ลิตร ของ “ซูซูกิไซด์คิกสปรอต” (Sidekic Sport) นอกจากเครื่องสองลิตรตัวใหม่ ซูซูกิยังนำเครื่องหกสูบ 2.5 ลิตร์ สี่แคม 24 วาวล์ ที่พัฒนามาจากเครื่องวีหก 2.0 มาใช้ด้วย เครื่องตัวนี้มีถึง 155 แรงม้า

ในอเมริกามีวิทาร่าตัวใหม่ให้เลือกสามรุ่นคือ สามประตูช่วงสั้น ตัวเปิดประทุน คนซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร แบบ “ซิงเกิ้ลโอเว่อร์เฮดแคม” SOHC หรือแรงขึ้นมาหน่อยคือ เครื่องยนต์ 2 ลิตร สี่สูบ ตัวที่สองที่สองคือวิทาร่าช่วงยาว 5 ประตูหลังคาแข็ง มีเครื่องยนต์ให้เลือกแค่ตัวเดียวคือ เครื่อง ยนต์ 2 ลิตร 4 สูบ อีกรุ่นหนึ่งคือแกรนด์วิทาร่า ตัวที่ร้อนแรงที่สุด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร หกสูบวางในรูปตัว V

สำหรับที่อื่นๆ ซูซูกิมีวิทาร่าสเปคอื่นๆอีก มีให้เลือกมากกว่าตลาดในอเมริกา เช่น ตัว 3 ประตู หลังคาแข็ง หรือแม้แต่ 3 ประตู หลังคาแข็งสำหรับแกรนด์วิทาร่า นอกจากนี้ยังมีเครื่องเทอร์โบ ดีเซล 2.0 ลิตรให้เลือกด้วย เป็นเครื่องยนต์สี่สูบ มาพร้อมกับอินเตอร์คูล เครื่องเทอร์โบรุ่นนี้มีในวิทาร่าตัวใหม่ทุกตัว ในบางประเทศที่ซูซูกิทำตลาดรถวิทาร่าทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าไปพร้อมๆกัน จะใช้ชื่อวิทร่าสำหรับรุ่นเก่า และแกรนด์วิทาร่าสำหรับรถรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องวีหก 2.5 ลิตร เสมอไป

1998: ซูซูกิ จิมนี่ (Suzuki Jimny)

ในปี 1998 ซูซูกิก็เปิดตัว ซูซูกิจิมนี่ เป็นการนำเอาจิมนี่คันมาปัดฝุ่น เอามาออกแบบใหม่ จิมนี่ตัวใหม่ยังใช้คอยสปริง เพลาขับหน้าและหลัง เครื่องยนต์ 1300 ซีซี แบบซิงเกิ้ล
โอเว่อร์เฮดแคม (SOHC) แม้ว่าจิมนี่ยังคงยึดถือกับการเป็นรถสี่คูณสี่ธรรมดา ราคาไม่แพง ท่าทางดุดัน เอาเรื่อง ไม่ล้อเล่นกับใคร แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะก็ยังเป็นรถยนต์ที่อดติดความหรูหราไม่ได้ กลายเป็นรถที่ออกแบบให้คนใช้สะดวกสบาย เป็นรุ่นที่หรูหราที่สุดในตระกูล “เอสเจซีรี่ย์” (SJ Serie) เพียบพร้อมไปทั้งกระจกไฟฟ้า และเกียร์อัตโนมัติ สำหรับขับขี่ในเมือง แต่ภายใต้เปลือกนอกที่หรูหรา ซูซูกิจิมนี่ซ้อนความดุดัน สมรรถภาพของสี่คูณสี่ไว้ที่ เพลาขับ (live axles), แชชซี และระบบเกียร์แบบดูอ้อลเรจทรานส์เฟอร์ (dual-range transfer)

2000: ซูซูกิ เอ็กซ์แอลหก (Suzuki XL6)

ซูซูกิ เอ็กซ์แอลหก เป็นรถต้นแบบ (Concept Car) เพื่อปูทางให้ซูซูกิก้าวไปสู่ตลาดรถ ”เอสยูวี” ขนาดใหญ่ รถรุ่นนี้ใช้เครื่องสเปคเดียวกับแกรนด์วิทาร่า เป็นเครื่องหกสูบ วางในรูปตัว V เกียร์สองระดับ หรือแม้แต่แชชซี โครงสร้างหลักๆ ก็ยืมมาจากแกรนด์วิทาร่า แม้เอ็กซ์แอลหกจะเป็นรถต้นแบบ เป็นอนาคตของซูซูกิสี่คูณสี่ ซูซูกิเองก็ยังรักษาระดับ รักษาปรัชญาดังเดิมของซูซูกิคือ การทำรถออฟโรดสี่คูณสี่พันธุ์แท้ ตัวรถต้นแบบ “เอ็กซ์แอลหก” จะยาวกว่ารถซูซูกิทั่วๆไป เบาที่นั่งสามแถว นั่งได้หกหรือเจ็ดคน

ซูซูกิสร้างชื่อเสียงมากับการทำรถสี่คูณขนาดเล็ก ทำรถได้น่ารัก ใช้ได้ทั้งบนเรียบและทางลูกรัง ปืนป่ายไปได้ในทุกๆ ที่บนโลกใบนี้ สิ่งที่ตรงกันข้ามกับผู้ผลิตรถยนต์สี่คูณสี่รายอื่นๆ คือ ซูซูกิทำแต่รถสี่คูณสี่พันธุ์แท้ ซูซูกิไม่เคยใช้โครงรถแบบยูนิบอดี้ (unibody) เพียงเพื่อให้รถน้ำหนักเบา ซูซูกิไม่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบฟูลไทม์ ที่ทำงานตลอดเวลา (all-wheel-drive systems) ซูซูกิไม่ทำรถที่ใช้ช่วงล่าง และระบบการสะเทือนอ่อนเกินไปเพื่อให้รู้สึกนุ่มนวลระหว่างขับขี่ รถสี่คูณสี่ของซูซูกิ ดุดัน แข็งแกร่งทุกคัน แม้ว่ารูปทรงจะเล็ก (แต่เล็กพริกขี้หนู ) ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับผู้ขับขี่ ซูซูกิปืนป่ายไปถึงทุกๆ เหมือนรถสี่คูณสี่คันใหญ่ๆ จริงๆแล้วรูปทรงที่เล็กทำให้ซูซูกิได้เปรียบรถคันๆ ใหญ่ๆ ซูซูกิไปได้เร็วและคล่องตัวกว่าในพื้นที่ๆแคบๆ ด้วยสมรรถภาพที่เป็นที่ประจักษ์ ทำให้ซูซูกิได้รับความนิยมทั่วโลก ซูซูกิมีชื่อเสียงหลายด้าน เป็นรถที่ไว้ใจได้เสมอ ราคาไม่แพง เปี่ยมสมรรถภาพ มีความแน่นอน ตอบสนองทุกความต้องการ ปลอดภัย มีเสน่ห์ และที่สำคัญที่สุด ซูซูกิเป็นรถที่ขับสนุก

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้ซูซูกิมีเครือข่ายการผลิตถึง 57 โรงงาน ใน 27 ประเทศทั่วโลก ทำให้ผลิตรถยนต์ออฟโร้ดขนาดเล็กไปขายได้ทั่วโลก ซูซูกิเป็นรถเล็กที่มีบุคคลิคเฉพาะตัว ที่ไม่มีในรถยี่ห้ออื่น ลักษณธโดดเด่นเช่นนี้เป็นที่ประทับใจของผู้ใช้รถซูซูกิออฟโรดกว่า 25 ล้านคน ในแต่ละปีซูซูกิขายรถทุกรุ่นได้ถึงปีละ 2 ล้านคันเลยทีเดียว